พยัญชนะอวรรค ๘ ตัว คือ ย ร ล ว ส ห ฬ อํ เรียกว่า พยัญชนะอวรรค เพราะเกิดไม่เป็นหมู่เป็นพวกในฐานเกิดเดียวกัน ๙. พยัญชนะ คือ อํ เรียกว่า นิคคหิต แปลว่า กดสระ คือเวลาอ่านจะออกเสียงทางจมูก ไม่ให้อ้าปากกว้างตามปกติ ๑๐. พยัญชนะ คือ อํ ตามสาสนโวหาร เรียกว่า อนุสาร คือไปตามสระ คือ นิคคหิต นี้ ต้องไปตามหลังสระรัสสะ คือ อ อิ อุ เท่านั้น เช่น อหํ เสตุ ํ อกาสึ ฯ ฐาน ๖ ฐาน แปลว่า ที่ตั้งที่เกิดของอักขระ มี ๖ ฐาน คือ ๑) กณฺโ คอ ๒) ตาลุ เพดาน ๓) มุทฺธา ศีรษะ หรือ ปุ่มเหงือก ๔) ทนฺโต ฟัน ๕) โอฏฺโ ริมฝีปาก ๖) นาสิกํ จมูก ๑. การแบ่งอักษรตามฐานเกิด บุรพาจารย์ผู้บัญญัติไวยากรณ์บาลีได้จัดฐานเกิดของอักษรไว้ ๖ ฐานตามลำดับลมหายใจออกคือ คอ เพดาน ปุ่มเหงือก ฟัน ริมฝีปาก และจมูก ดังนั้น การเรียงอักษรที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไวยากรณ์ทั้งหลาย เริ่มตั้งแต่ อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ (สระ ๘ ตัว) และ ก ข ค ฆ ง, จ ฉ ช ฌ , ฏ ฑ ฒ ณ, ต ถ ท ธ น, ป ผ พ ภ ม, ย ร ล ว ส ห ฬ อํ. (พยัญชนะ ๓๓ ตัว) การเรียงลำดับอย่างนี้ ท่านเรียงตามลำดับฐานเกิดเช่นเดียวกัน ๑.
สมัญญาภิธาน แสดงชื่ออักษรที่เป็นสระที่เป็นสระและพยัญชนะ พร้อมทั้งฐานกรณ์ ๑. เนื้อความของถ้อยคำทั้งปวง ต้องกำหนดรู้ได้ด้วยอักขระ เมื่อเข้าใจเรื่องอักขระไม่ดี ก็เข้าใจเนื้อความที่ถูกต้องได้ยาก ๒. เสียง (คำพูด) ก็ดี ตัวหนังสือก็ดี ชื่อว่า อักขระ ๆ แปลว่า ไม่รู้จักสิ้นไปอย่างหนึ่ง ไม่เป็นของแข็งอย่างหนึ่ง ๓. อักขระในภาษาบาลี มี ๔๑ ตัว แบ่งเป็นสระ ๘ ตัว พยัญชนะ ๓๓ ตัว คือ อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ, ก ข ค ฆ ง, จ ฉ ช ฌ , ฏ ฑ ฒ ณ, ต ถ ท ธ น, ป ผ พ ภ ม, ย ร ล ว ส ห ฬ อํ สระ ๘ ตัว ๑. อักขระเบื้องต้น ตั้งแต่ อ จนถึง โอ ชื่อว่า สระ ออกเสียงได้ตามลำพังตนเอง และทำให้พยัญชนะออกเสียงได้ด้วย ๒. สระ ๘ ตัวนี้ เรียกว่า นิสสัย เพราะเป็นที่อาศัยของพยัญชนะ บรรดาพยัญชนะ ทั้ง ๓๓ ตัว ต้องอาศัยสระจึงออกเสียงได้ ๓. สระ ๓ ตัว คือ อ อิ อุ ชื่อว่า รัสสะ เพราะออกเสียงเร็ว/สั้น เหมือนคำว่า อติ ครุ เป็นต้น ๔. สระ ๕ ตัว คือ อา อี อู เอ โอ ชื่อว่า ทีฆะ เพราะออกเสียงช้า/ยาว เหมือนคำว่า ภาคี วธู เสโข เป็นต้น ๕. เอ โอ ถ้ามีพยัญชนะสังโยคอยู่หลัง เช่น เสยฺโย, โสตฺถิ เป็นต้น ท่านกล่าวว่า เอ โอ นั้นออกเสียงเหมือนเป็นรัสสะ ๖. สระต่อไปนี้ ชื่อว่า ครุ ออกเสียงหนัก คือ ๑) สระที่เป็นทีฆะล้วนๆ เช่น ภูปาลี, เอสี ๒) สระรัสสะแต่มีพยัญชนะสังโยคอยู่หลัง เช่น มนุสฺสินฺโท ๓) สระรัสสะมีนิคคหิตอยู่เบื้องหลัง เช่น โกเสยฺยํ ๔) สระรัสสะอยู่ท้ายบาทคาถา เช่น ยนฺทุนฺนิมิตฺตํ อวมงฺคลญฺจ ๗.
ลักษณะของภาษาบาลีและสันสกฤต ภาษาบาลีและสันสกฤตอยู่ในตระกูลภาษาที่มีวิภัตปัจจัย คือเป็นภาษาที่ที่มีคำเดิมเป็นคำธาตุ เมื่อจะใช้คำใดจะต้องนำธาตุไปประกอบกับปัจจัยและวิภัตติ เพื่อเป็นเครื่องหมายบอกพจน์ ลึงค์ บุรุษ กาล มาลา วาจก โครงสร้างของภาษาประกอบด้วย ระบบเสียง หน่วยคำ และระบบโครงสร้างของประโยค ภาษาบาลีและสันสกฤตมีหน่วยเสียง 2 ประเภท คือ หน่วยเสียงสระและหน่วยเสียงพยัญชนะ ดังนี้ 1. หน่วยเสียงสระ หน่วยเสียงสระภาษาบาลีมี 8 หน่วยเสียง คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ หน่วยเสียงภาษาสันสกฤต ตรงกับภาษาบาลี 8 หน่วยเสียง และต่างจากภาษาบาลีอีก 6 หน่วยเสียง เป็น 14 หน่วยเสียง คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ไอ เอา ฤ ฤา ฦ ฦๅ 2. หน่วยเสียงพยัญชนะ หน่วยเสียงพยัญชนะภาษาบาลีมี 33 หน่วยเสียง ภาษาสันสกฤตมี 35 หน่วยเสียง เพิ่มหน่วยเสียง ศ ษ ซึ่งหน่วยเสียงพยัญชนะทั้งสิงภาษานี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ พยัญชนะวรรค และพยัญชนะเศษวรรค วิธีสังเกตคำบาลี 1. 1. สังเกตจากพยัญชนะตัวสะกดและตัวตาม ตัวสะกด คือ พยัญชนะที่ประกอบอยู่ข้างท้ายสระประสมกับสระและพยัญชนะต้น เช่น ทุกข์ = ตัวสะกด ตัวตาม คือ ตัวที่ตามหลังตัวสะกด เช่น สัตย สัจจ ทุกข เป็นต้น คำในภาษาบาลี จะต้องมีสะกดและตัวตามเสมอ โดยดูจากพยัญชนะบาลี มี 33 ตัว แบ่งออกเป็นวรรคดังนี้ แถวที่ 1 2 3 4 5 วรรค กะ ก ข ค ฆ ง จะ จ ฉ ช ฌ ญ ฏะ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ตะ ต ถ ท ธ น ปะ ป ผ พ ม เศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อัง มีหลักสังเกต ดังนี้ ก.
4 การอ่านคำ พฺรหฺม, พฺราหฺมณ พฺรหฺม อ่านว่า พรัม-มะ ( ออกเสียงควบกล้ำ) พฺราหฺมณ อ่านว่า พราม-มะ-ณะ พฺรหฺมจริยํ -> พรัม-มะ-จะ-ริ-ยัง พฺรหฺมุโน -> พรัม-มุ-โน พฺราหฺมณา -> พราม-มะ-ณา ทั้งนี้ ในหนังสือสวดมนต์ที่เป็นคำอ่านภาษาไทย จะใช้ เครื่องหมายยามักการ ซึ่งมีลักษณะคล้ายเลข 3 กลับด้าน เติมเหนือพยัญชนะเพื่อแสดงการออกเสียงกึ่งมาตรา / ควบกล้ำ เช่น กัต๎วา ( กตฺวา), ตัส๎มา ( ตสฺมา) เขียนสรุปโดย ting074ch อ้างอิง: - หลักการอ่านออกเสียงบาลี โดยย่อ โพสท์ในลานธรรมเสวนาโดย ภิกษุ เมื่อ 27 ก. ค. 44 เว็บไซต์ - หลักการอ่านภาษาบาลี โดย อาจารย์เตี้ย เมื่อ 10 ม. 52 เว็บไซต์ - ระบบการออกเสียงภาษาบาลี เว็บไซต์ - หนังสือบททำวัตร-สวดมนต์ (แปล) รวบรวมโดย แก้ว ชิดตะขบ จัดพิมพ์โดย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พิมพ์ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2553 - ขอถามเรื่องการอ่านภาษาบาลีครับ ตอบโดย ปาลกะ เมื่อ 7 ส. 52 เว็บไซต์
ล. หาเจอแล้ว "", คำข้างบนต้องเขียน "ปญฺา" อย่างนี้ (บางท่านไม่เห็น เพราะ code ไม่เป็นมาตรฐานครับ)
พยัญชนะตัวที่ 1, 3, 5 เป็นตัวสะกดได้เท่านั้น ( ต้องอยู่ในวรรคเดียวกัน) ข. ถ้าพยัญชนะตัวที่ 1 สะกด ตัวที่ 1 หรือตัวที่ 2 เป็นตัวตามได้ เช่น สักกะ ทุกข สัจจ ปัจฉิม สัตต หัตถ บุปผา เป็นต้น ค. ถ้าพยัญชนะตัวที่ 3 สะกด ตัวที่ 3 หรือ 4 เป็นตัวตามได้ในวรรคเดียวกัน เช่น อัคคี พยัคฆ์ วิชชา อัชฌา พุทธ คพภ ( ครรภ์) ง. ถ้าพยัญชนะตัวที่ 5 สะกด ทุกตัวในวรรคเดียวกันตามได้ เช่น องค์ สังข์ องค์ สงฆ์ สัมปทาน สัมผัส สัมพันธ์ สมภาร เป็นต้น จ. พยัญชนะบาลี ตัวสะกดตัวตามจะอยู่ในวรรคเดียวกันเท่านั้นจะข้ามไปวรรคอื่นไม่ได้ 2. สังเกตจากพยัญชนะ " ฬ " จะมีใช้ในภาษาบาลีในไทยเท่านั้น เช่น จุฬา ครุฬ อาสาฬห์ วิฬาร์ โอฬาร์ พาฬ เป็นต้น 3. สังเกตจากตัวตามในภาษาบาลี จะมาเป็นตัวสะกดในภาษาไทยโดยเฉพาะวรรค ฎ และวรรคอื่น ๆ บางตัว จะตัดตัวสะกดออกเหลือแต่ตัวตามเมื่อนำมาใช้ในภาษาไทย เช่น บาลี ไทย บาลี ไทย รัฎฐ รัฐ อัฎฐิ อัฐิ ทิฎฐิ ทิฐิ วัฑฒนะ วัฒนะ ปุญญ บุญ วิชชา วิชา สัตต สัต เวชช เวช กิจจ กิจ เขตต เขต นิสสิต นิสิต นิสสัย นิสัย ยกเว้นคำโบราณที่นำมาใช้แล้วไม่ตัดรูปคำซ้ำออก เช่น ศัพท์ทางศาสนา ได้แก่ วิปัสสนา จิตตวิสุทธิ์ กิจจะลักษณะ เป็นต้น วิธีสังเกตคำสันสกฤต มีดังนี้ 1.
คำที่สะกดด้วย เ-ยฺ, อิยฺ 4. 1 คำที่สะกดด้วย เ-ยฺ นิยมออกเสียงเป็น ไ-ย ( ภาษาบาลี ไม่มีสระเออ เวลาออกเสียงคำนี้ จึงไม่ได้ออกเสียง เอย อย่างในภาษาไทย ภาษาบาลีคำที่สะกดด้วย เ-ยฺ คือ สระเอ + ตัวสะกด ยฺ ซึ่งออกเสียงยาก จึงนิยมออกเสียงเป็น ไ-ย) อาหุเนยฺโย -> อา-หุ-ไนย-โย เสยฺยถีทํ -> ไสย-ยะ-ถี-ทัง 4. 2 คำที่สะกดด้วย อิยฺ ออกเสียงเป็น อีย นิยฺยานิโก -> นีย-ยา-นิ-โก 5. อักษร ฑ ให้ออกเสียงเป็น ด ปณฺฑิโต -> ปัณ-ดิ-โต 6. อักษร ห + สระ อี นิยมอ่านว่า ฮี หีโน -> ฮี-โน 7. การอ่านคำที่เป็นเสียงกึ่งมาตรา / เสียงควบกล้ำ 7.