น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ 5. งาขาวคั่วบด พอประมาณ 6.
น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ 2. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ 3. โชยุ 1 ช้อนโต๊ะ 4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา 5. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา 6. งาขาวคั่วบด 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ผสมทุกอย่างให้เข้ากันก็กินผักสลัดได้เลยค่ะ สลัดที่แนะนำคือสลัดอะโวคาโดและผักสดค่ะ น้ำสลัดงาญี่ปุ่น สูตรน้ำข้น ใส่มายองเนส สูตรนี้จะมีความมันข้นถึงรส แต่มีความละมุนด้วยมายองเนส เด็กๆกินได้ง่ายกว่ารสอื่น เข้ากับสลัดทุกชนิด ค่ะอย่างเช่นสลัดไข่ต้ม สลัดไก่ฉีก เป็นต้น ส่วนผสม 2-3 ที่ 1. มายองเนส 5 ช้อนโต๊ะ 2. งาขาวคั่วบด 3 ช้อนโต๊ะ 3. น้ำส้มสายชู 2 ช้อนชา 4. โชยุ 2 ช้อนชา 5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันก็พร้อมรับประทาน แนะนำให้ใช้ถ้วยผสมนะคะ เพราะน้ำข้น ง่ายต่อการคนค่ะ สลัดที่แนะนำนะคะคือ สลัดไก่หรือไข่ต้มที่กล่าวไปข้างต้น สลัดหลากสี หรือสลัดอะไรก็ได้ที่เข้ากับมายองเนสค่ะ น้ำสลัดงาญี่ปุ่น สูตรไร้น้ำมัน สูตรนี้มีส่วนผสมของขิงทำให้ไม่เลี่ยน กินกับสลัดที่มีเนื้อก็เหมาะ อย่างเช่น สลัดเนื้ออบ หรือนำไปผัดกับหมูก็อร่อยค่ะ แต่ที่ง่ายและอร่อยสุดคือ กินกับเต้าหู้นิ่มของญี่ปุ่น ค่ะ ส่วนผสม สำหรับ 2 ที่ 2. โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ 3. มิริน 2 ช้อนโต๊ะ 4.
ผักทุกชนิดให้สารอาหารที่แตกต่างกันและ ผักใบเขียว ก็ไม่มีข้อยกเว้น คุณสมบัติของพวกมันแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของใบไม้สีเขียว บางคนอยู่เหนือคนอื่นเพราะมีส่วนช่วยให้ร่างกายและร่างกายของเรา ดังนั้นเราต้องใส่ใจเมื่อเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราขอนำเสนอผักใบเขียว 10 ชนิด แบ่งตามอันดับ จากผักที่ให้ประโยชน์ทางโภชนาการน้อยที่สุด ไปจนถึงดีที่สุดสำหรับร่างกายของคุณ โดยมีเป้าหมายว่า เพิ่มสารอาหารที่ดีที่สุดให้กับสลัดของคุณ และแคลอรี่น้อยที่สุด ผักใบเขียว 10 ชนิดสำหรับสลัดของคุณ 1. ผักกาดแก้ว ผักกาดแก้วภูเขาน้ำแข็งเป็นหนึ่งใน ผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการน้อยที่สุด คุณสามารถเพิ่มลงในสลัดของคุณ ร้านค้าบางแห่งถึงกับสั่งห้ามขายเนื่องจากควรให้คุณค่าทางโภชนาการต่ำมาก ผักกาดแก้วภูเขาน้ำแข็งมีประมาณ วิตามินเอเพียง 7% และวิตามินซี 3% ก็ยังมีประมาณ 10 แคลอรีต่อถ้วย 2. Arugula Arugula มีรสชาติที่แตกต่างเมื่อเทียบกับผักใบเขียวอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้มีคุณค่าทางโภชนาการสูงด้วยเหตุผลดังกล่าว เป็นแหล่งของวิตามิน A และ K ที่มั่นคง แต่ขาดสารอาหารอื่นๆ ที่ผักอื่นๆ มี มีประมาณ 6 แคลอรีต่อถ้วย 3. คะน้าหรือคะน้า คะน้ามีวิตามิน A, C และ K วิตามิน K มีความสำคัญมากในการช่วยให้เลือดอุดตัน อย่างไรก็ตาม คะน้ามีข้อเสียเล็กน้อย: มีแคลอรีสูงกว่าอย่างอื่นเล็กน้อย ซึ่งหมายความว่าในทางเทคนิคมีความหนาแน่นของสารอาหารต่ำกว่า คะน้าสามารถบรรจุได้ถึง 33 แคลอรี่ต่อถ้วย 4.
มายองเนส: รสจืด มายองเนสยังไม่ใช่น้ำสลัด แต่เป็นสารตั้งต้นของน้ำสลัดครีมหลายรสชาติ มายองเนสมีส่วนผสมหลักคือไข่แดง น้ำส้มสายชู มัสตาร์ด และน้ำมัน สามารถทำได้ง่ายโดยใช้เครื่องปั่นหรือเครื่องผสมอาหาร น้ำสลัดจะอร่อยหรือไม่อร่อยมายองเนสมีส่วนสำคัญมากๆ เลยค่ะ 2. น้ำสลัดซีซาร์: รสเค็ม-มัน-หอม น้ำสลัดซีซาร์ เป็นน้ำสลัดครีมที่มีส่วนผสมหลักคือมายองเนสและพามีซานชีส มีเสน่ห์คือความหอมของชีสที่ลงตัวมากๆ มีน้ำตาลเพียงเล็กน้อยจากมายองเนสหรือแทบจะไม่หวานเลย เหมาะสำหรับเมนูซีซาร์สลัดที่มี ผักคอส เบคอน ขนมปังกรอบ ถ้าเป็นสลัดโรลก็ใส่ผักกรีน-เรดโอ๊ค มะเขือเทศ ไก่ย่าง ทำเป็นเมนูสลัดโรลซีซาร์ไก่ รับรองลูกค้าเลิฟเลิฟค่ะ 3. น้ำสลัดเทาซันไอแลนด์: รสเปรี้ยว-หวาน น้ำสลัดเทาซันไอแลนด์ เป็นน้ำสลัดครีมที่มีส่วนผสมหลักคือมายองเนสและซอสมะเขือเทศ ได้ความเปรี้ยวจากมะเขือเทศและความหวานจากน้ำเชื่อม อร่อยมากเมื่อทานคู่กับแฮม ถ้าเป็นสลัดโรลก็ใส่ผักกรีน-เรดโอ๊ค แครอท แฮม อาจใส่หอมหัวใหญ่เข้าไปด้วยเพื่อตัดเลี่ยน ลองดูแล้วจะรู้ว่าอร่อยจริง 4. น้ำสลัดวาซาบิ: รสเผ็ด-หอม น้ำสลัดวาซาบิ เป็นน้ำสลัดครีมที่มีส่วนผสมหลักคือมายองเนสและวาซาบิ ได้รสเผ็ดจากวาซาบิและความหอมจากขิง มีความหวานเพียงเล็กน้อยแบบกลมกล่อม เหมาะมากเมื่อทานคู่กับอาหารคาวอย่างแซลมอนย่าง ถ้าเป็นสลัดโรลก็ใส่ผักกรีน-เรดโอ๊ค แครอท แซลมอน ยำสาหร่าย ขายให้สมราคาอย่าขายถูกเกินไปจนดูไม่น่าเชื่อถือ รับรองเมนูนี้ฮิตแน่ 5.
ดูแลกำจัดวัชพืชบริเวณรอบๆแปลง 2. ปรับระยะเวลาการพ่นน้ำให้เหมาะสม อย่าชื้นแฉะเกินไป 3. ถ้าพบโรคควรเก็บไปเผา อย่าทิ้งไว้ที่พื้นแปลงบริเวณโต๊ะปลูก 4. สำหรับแปลงที่ระบาดรุนแรง สามารถพ่นยาป้องกันเชื้อราในระยะเพาะกล้า 5.
หากพบการระบาดให้เก็บต้นที่เป็นโรคออกจากระบบ และเปลี่ยนสารละลายธาตุอาหารใหม่ปรับค่า EC ให้อยู่ในระดับต่ำประมาณ 1. 1 – 1. 2 และค่า pH ให้อยู่ที่ 6. 5 – 7. 0 เพื่อให้พืชซ่อมแซมรากที่ถูกทำลายไป แล้วให้ธาตุอาหารทางใบแทน เมื่อระบบรากกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมค่อยเพิ่มค่า EC ให้อยู่ในระดับเดิมที่เคยปลูก ปกติในฤดูร้อนควรตั้งค่า EC ในการปลูกสลัดที่ประมาณ 1. 2 – 1. 4 และควรเปลี่ยนน้ำใหม่ทุก 7 – 10 วัน (บางฟาร์มอาจใช้เทคนิคในการปรับ EC ให้สูงในช่วงกลางคืน แล้วลดค่า EC ให้ต่ำในช่วงกลางวัน) ๒. ถ่ายสารละลายในถังออกให้หมด เพื่อช่วยลดเชื้อในสารละลาย ๓. พลางแสงเพื่อช่วยลดการคายน้ำ และเป็นการลดกิจกรรมของรากพืชลง ๔. ใส่เชื้อราไตรโคเดอม่าลงไปในถังเก็บสารละลาย เพื่อให้เชื้อราไตรโคเดอร์มา 50 cc ต่อน้ำปุ๋ย 100 ลิตรทุก ๗ วัน เข้าไปช่วยกำจัดเชื้อพิเทียม และทำให้รากที่จะงอกขึ้นมาใหม่แข็งแรงขึ้น เทคนิคการลดอุณหภูมิของสารละลายและป้องกันโรค 1. พรางแสงให้แปลงปลูกในช่วงที่มีแสงแดดจัด คือช่วงเวลา 10. 00 น. – 14. 00 น. 2. เพิ่มอ๊อคซิเจนให้สารละลายโดยใช้ปั๊มอ๊อกซิเจนต่อหัวทรายใส่ลงไปในถังสารละลาย 3. ใส่น้ำในขวดน้ำพลาสติกแช่ไว้ในช่องแช่แข็ง เมื่อน้ำในขวดเป็นน้ำแข็งก็ให้นำมาใส่แช่ไว้ในถัง 4.