เผยแพร่: 18 ม. ค.
มีบัญชีอยู่แล้ว? 6 ก. ค. 2020 เวลา 13:06 ความไม่รู้กฎหมาย จะอ้างเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ Ignorantia juris non excusat ความไม่รู้ทั้งหลายในที่นี้ อาจเป็นความไม่รู้กฎหมายหรือไม่รู้ข้อเท็จจริง แต่ถ้าเกิดกรณีว่า ถ้ามีคนตายและเป็นญาติของเขาซึ่งเขาไม่ทราบว่าเขามีอำนาจอย่างไรบ้างในทรั... อ่านต่อ กำลังนิยมในบล็อกดิต เมื่อวาน เวลา 12:39 • ความคิดเห็น ปืนฉีดน้ำล้ำขนาดนี้ เด็ก ๆ ก็สนุกละแบบนี้!!! วันนี้ช้างขอมาสายรีวิวอีกที จากที่แอบไปท่อง Tiktok ช้างมาเจอน้องคนนึงที่ใช้ชื่อช่องว่า @spriteder_spd ได้รับการบูสต์ มาทำความเข้าใจการสะอึกในเด็กไปพร้อมกันค่ะ โดยแพทย์หญิงวารุณี ต. รุ่งเรือง กุมารแพทย์ โรงพยาบาลเอกชัย 9 ชั่วโมงที่แล้ว • ข่าว เมินคำสั่ง ถนนข้าวสารคึกคัก นักท่องเที่ยว แห่เล่นสาดน้ำสงกรานต์ 2565 วันที่ 13 เม. ย.
อย่างไรก็ตาม หากศาลพบว่าข้อพิพาทในปัจจุบันเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่เคยเกิดขึ้น หรือมีความแตกต่างอย่างชัดเจนกับข้อพิพาทในอดีตทั้งหมด (matter of first impression) รวมถึงไม่มีกฎหมายทางนิติบัญญัติที่จะปรับใช้แก่คดีได้ ผู้พิพากษาย่อมมีอำนาจและหน้าที่ที่จะสร้างกฎหมายโดยการริเริ่มเป็นแบบอย่าง ภายหลังจากนั้น การตัดสินคดีครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างแก่การตัดสินคดีครั้งต่อไป ซึ่งศาลในอนาคตจะต้องยึดถือตามเป็นบรรทัดฐาน. ระบบกฎหมายทั่วโลก
ระบบของกฎหมายหรือตำราบางเล่มเรียกว่าสกุลของกฎหมาย (ครอบครัวกฎหมาย) เป็นความพยายามของนักกฎหมายที่จะจับกลุ่มของกฎหมายที่มีใช้อยู่ในประเทศต่าง ๆ ในโลกที่มีลักษณะใกล้เคียงกันเข้าไว้ด้วยกันซึ่งในปัจจุบัน นี้ระบบกฎหมายอาจแบ่งออกได้เป็น 4 ระบบคือ 1.
ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ ( อังกฤษ: Common law) หรือเรียกอีกอย่างว่า ระบบกฎหมายจารีตประเพณี [1] เป็นกฎหมายซึ่งพัฒนาขึ้นโดยผู้พิพากษาผ่านทางการตัดสินคดีความของศาล และศาลชำนัญพิเศษอื่น ๆ มากกว่าผ่านทางพระราชบัญญัติของฝ่ายนิติบัญญัติ หรือการดำเนินการของฝ่ายบริหาร. [2] [3] ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์เป็นระบบกฎหมายที่ทรงอิทธิพลมากระบบหนึ่งของโลก ทั้งนี้เนื่องจากการขยายตัวของ จักรวรรดิบริเตน ในระหว่างศตวรรษที่ 18 และ 19 ทำให้ กฎหมายของสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะ กฎหมายอังกฤษ แพร่กระจายไปทั่วดินแดนอาณานิคม. ปัจจุบันมีประมาณการว่า ประชากรกว่า 1 ใน 3 ของโลกอยู่ภายใต้ระบบกฎหมายคอมม่อนลอว์ หรือภายใต้ระบบกฎหมายผสมกับระบบ ซีวิลลอว์. [4] "ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์" เป็นระบบกฎหมายซึ่งให้น้ำหนักในการปฏิบัติตามคำพิพากษาที่มีมาก่อนเป็นอย่างมาก บนแนวคิดซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการอยุติธรรมหากศาลจะมีคำพิพากษาที่แตกต่างกัน สำหรับคดีพิพาทซึ่งมีข้อเท็จจริงที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าคำพิพากษาเป็นที่มาประการหนึ่งของกฎหมาย (a source of law) ในระบบกฎหมายนี้. ด้วยเหตุนี้การตัดสินคดีในระบบ "คอมมอนลอว์" จึงไม่ได้เป็นเพียงการตีความกฎหมาย แต่มีผลเป็น "บรรทัดฐานทางกฎหมาย" (precedent) ที่ผูกมัดการตัดสินคดีในอนาคตตามไปด้วย ทั้งนี้ตามหลักการ ภาษาละติน ที่เรียกว่า stare decisis แปลว่า "ยืนตามคำวินิจฉัย (บรรทัดฐาน) ต่อไป".